ไม้แหย่แย้
เมื่อเอาไปถามแพทย์แผนไทย ท่านจะร้องอ๋อ เพราะมีชื่อเรียกทางสมุนไพรว่า เปล้าตองแตก
เป็นไม้พุ่ม ขึ้นตามที่ดอนทั่วๆไป ในส่วนที่ขึ้นตามธรรมชาติ มักจะทิ้งใบล่าง เห็นต้นเปลาชัดเจน
บางใบจะมีลักษณะเป็นแฉก ต้นสูงประมาณ1-2เมตร ดอกเล็กๆออกเป็นช่อ
ตามภาพที่นำมาประกอบเป็นต้นที่มาเลี้ยงบำรุงจึงค่อนข้าง งาม
คุณสมบัติเฉพาะตัวออกฤทธิ์เป็นยาถ่าย แต่มักปรากฏในตำรายาไทยหลายสูตร หลายขนานด้วยกัน
ที่ถูกขนานนาม ว่าไม้แหย่แย้เพราะเมื่อแย้หนีการไล่ล่าลงรู พวกเราขอเรียกว่านักล่า
จะหักเอาไม้ชนิดนี้รูดใบออกเอาปลายแหย่ไปในรู แล้วดึงไม้ออกอย่างช้าๆ
แย้จะตามปลายไม้ออกมาเองทีนี้ก็อยู่ที่คนไล่ล่าว่า จะจับเป็นหรือจับตาย"
................................................................................................
ไม้แยงแย้ หรือ ไม้แหย่แย้ เป็นว่านทางด้านโชคลาภและมหาละลวย ว่ากันว่าว่านชนิดนี้นำไปปรุงเป็นน้ำมันตาทิพย์ได้ เมื่อทาหนังตาแล้วสามารถมองเห็นทะลุวัตถุได้ยังกับตาวิเศษ เมื่อนำไม้แยงแย้นี้ไปแหย่รูแย้รูงู พวกแย้พวกงูจะคลานออกมาและอ่อนละทวยให้เราจับแต่โดยดี
ไม้แหย่แย้จะมีลักษณะเรียวตรงยาวไม่ถึงฟุต ผิวเป็นลายคล้ายลักษณะของหางแย้(เกล็ดเล็ก ๆ ละเอียด) สีเทาปนน้ำตาลอ่อน ชอบขึ้นอยู่ในป่าดงดิบที่ไกลจากผู้คน ส่วนมากจะถูกพบเห็นโดยพระธุดงค์ เคยรู้มาว่ามีพระป่ารูปหนึ่งพบพืชชนิดนี้ที่บนเทือกเขาภูพาน ขณะที่ออกธุดงค์ แต่ก็ไม้ได้เก็บมา
ชื่อเรียกทางสมุนไพรว่า เปล้าตองแตก เป็นไม้พุ่ม ขึ้นตามที่ดอนทั่วๆไป
ในส่วนที่ขึ้นตามธรรมชาติ มักจะทิ้งใบล่าง เห็นต้นเปล่าๆ
..................................................................................................
ไม้แยงแย้ หรือ ไม้แหย่แย้ เป็นว่านทางด้านโชคลาภและมหาละลวย ว่ากันว่าว่านชนิดนี้นำไปปรุงเป็นน้ำมันตาทิพย์ได้ เมื่อทาหนังตาแล้วสามารถมองเห็นทะลุวัตถุได้ยังกับตาวิเศษ เมื่อนำไม้แยงแย้นี้ไปแหย่รูแย้รูงู พวกแย้พวกงูจะคลานออกมาและอ่อนละทวยให้เราจับแต่โดยดี เดิมทีหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตปรมาจารย์สายกรรมฐานได้นำพันธุ์มาจากประเทศลาว แล้วมาปลูกที่วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร และมีลูกศิษย์ท่านของขยายพันธุ์นำไปปลูกต่อ ในเมืองไทยมีปลูกขึ้นแค่ 3 ที่เท่านั้น อยู่ที่ จ.พิษณุโลก อีกที่หนึ่ง แต่อีกที่หนึ่งอยู่ที่ใดไม่ทราบได้
หน้าที่เข้าชม | 507,754 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 416,244 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |