วิธี แบบง่ายๆ ในทุกวันแต่ทำแล้วร่ำรวยจริง เริ่มจากก่อนที่จะลุกจากที่นอนในตอนเช้า เมื่อตื่นแล้วให้นอนอยู่บนที่นอนก่อน ให้ทำใจให้นิ่งๆ เมื่อได้สตินิ่งดีแล้ว ให้กล่าวในใจว่า “ ข้าพเจ้า…………..(ชื่อของเรา) ขอให้อโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย คนใกล้ตัว สัตว์ใกล้ตัว เทวดาใกล้ตัว สรรพสัตว์ สรรพวิญาณทั้งหลาย ญาติก็ดี ไม่ใช่ญาติก็ดีในทุกกรรมที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบัน และขออโหสิกรรมต่อท่านทั้งหลายไว้พร้อมกันในที่นี้” เพียงกล่าวแบบตั้งใจจริงแค่นี้สั้นๆ ในทุกวันท่านก็ได้สร้างอภัยทานเป็นบุญใหญ่ในฝ่ายทานแล้ว แต่ใจท่านต้องให้อภัยเขาจริงๆ ไม่ได้พูดเพื่อเอาเคล็ด พูดออกมาจากใจจริงๆ เพื่อลดกรรมบางกรรมก่อนจะสร้างบุญต่อไป หลังจากนี้ให้ตั้งอารมณ์ปกติ ทำกิจวัตรประจำวันไป หลังจากล้างหน้า สติเข้าที่แล้ว ให้เริ่มสร้างบุญใหญ่ประจำวันหนุนชีวิต ซึ่งจะได้ครบทั้งมหาทานทั้งวัตถุทาน ธรรมทาน อภัยทาน ศีล ภาวนา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่มีเวลาไปใส่บาตรในตอนเช้า สำหรับคนที่ใส่บาตรทุกวันแล้วก็ทำได้เช่นกัน การทำบุญแบบนี้นั้นไม่จำกัดเวลาตอนไหนก็ไหน แต่ถ้าในตอนเช้าก่อนจะเริ่มภารกิจทำงานประจำวันจะดีมากเพราะเป็นการเริ่มต้นที่ดีในทุกๆ เช้าจิตใจจะอิ่มเอิบผ่องใสไปด้วยบุญ วิธีการมีดังนี้ ๑. หากระปุกออมสิน หรือบาตรพลาสติกเล็กๆ ( บาตรแบบนี้ที่ร้านสังฆทานต่างๆ ก็จะมีขาย ) หรือภาชนะที่สะดวกในการหยอดเงิน ให้เอาบาตรหรือภาชนะนั้นนำมาวางไว้บนหิ้งพระ สำหรับคนที่อยู่คอนโดหรืออพาร์ทเมนท์ ถ้าไม่มีหิ้งพระจริงๆ ให้หารูปถ่ายของพระพุทธรูปที่เรานับถือมาติดที่ฝาผนังก็ได้ หรือถ้าไม่มีรูปพระจริงๆ ให้เอาบาตรหรือภาชนะนั้นวางอยู่สูงเสียหรือบนโต๊ะทำงานก็ได้ เดี๋ยวนี้คนยุคใหม่ เขาไหว้พระ สวดมนต์หน้าคอมพิวเตอร์มาก รวมถึงการโอนเงินทำบุญผ่านบัญชีธนาคารถึงวัดหรือพระสงฆ์ที่ท่านบอกบุญมา ซึ่งเป็นการดีมากได้บุญกุศลเช่นกัน ๒. ให้นำเงินที่ตั้งใจจะใส่บาตร (แต่ไม่มีเวลาจะไป) เตรียมเอาไว้ ตั้งสมาธิให้นิ่งถ้าไม่มีรูปพระ หิ้งพระที่บ้านให้นึกพระพุทธรูปที่เราเคารพเช่น หลวงพ่อพระพุทธชินราช หลวงพ่อโสธร พระจักรพรรดิ หรือถ้านึกไม่ออกจริงๆ ให้นึกถึงพระอริยสงฆ์ที่เราเคารพ เช่น หลวงปู่ทวด สมเด็จโตฯ หลวงพ่อปาน หลับตานึกถึงท่านแล้ว ถ้ายังนึกไม่ออกอีกให้นึกถึงพ่อแม่ก็ใช้ได้ แล้วพนมมือเริ่มจะสวดมนต์ เริ่มจากอัญเชิญเทวดา ซึ่งจะเป็นการดีมากที่เราได้อัญเชิญพรหมเทพเทวดาทั้งหลายให้ท่านมาร่วมอนุโมทนาและรับบุญที่เราทำในวันนี้อยากจะเรียนให้ทราบตามที่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาสอนมาให้รู้ว่า โดยทั่วไป ก่อนที่เราจะไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิหรือสร้างบุญทุกครั้งนั้นควรที่จะอัญเชิญเทพเทวดาทั้งหลายมาร่วมเป็นพยานให้เรา ทั้งนี้เพื่อป้องกันเราให้พ้นจากอุปสรรคปัญหาความยุ่งยากทั้งหลาย และให้ท่านทั้งหลายมาร่วมอนุโมทนาบุญกับเราด้วย นอกจากเหล่าพรหมเทพเทวดาท่านมาพร้อมกันแล้ว ก็ยังมีพวกบรรดาบริวารของท่าน พวกผี ดวงจิตวิญญาณเร่ร่อนทั้งหลายมาร่วมโมทนาบุญอีกด้วย เพราะนอกจากการทำบุญทำทานกราบไหว้พระ ทำสมาธิตามปกติแล้ว ในตอนอธิษฐานจิตอุทิศบุญแผ่เมตตาในตอนท้าย เราก็ได้เมตตาเผื่อแผ่บุญกุศลไปถึงสรรพสัตว์สรรพวิญญาณทั้งสามโลกโดยไม่มีประมาณอีกด้วย ซึ่งมีหลายคนบอกว่า เมื่ออัญเชิญพรหมเทพเทวดา แล้วพวกผีจะมาด้วย ขอบอกว่าไม่ต้องกลัวเรื่องผีเรื่องดวงวิญญาณพวกนี้ เพราะพวกนี้เขามาดี มาร่วมบุญมาขอส่วนบุญ ยิ่งทำให้เราได้บุญมากขึ้น บ้านไหนหรือร้านค้าไหนสวดมนต์ประจำ ถึงจึงไม่สวดอัญเชิญพรหมเทพเทวดาหรือชุมนุมเทวดา แต่รับรองท่านก็มาเองแน่นอน เพราะที่ไหน เมื่อใดที่มีการสร้างบุญกุศลท่านจะรู้ด้วยตัวของท่านเองที่มีจิตละเอียดอยู่แล้ว อย่างน้อยก็เทพยดาอาลักษณ์ ส่วนหนึ่งที่ปกป้องดูแลสถานที่ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ร้านค้าที่ทำงาน ท่านต้องมาร่วมบุญด้วย ซึ่งเมื่อท่านมาร่วมสวดมนต์ มาร่วมอนุโมทนาบุญแล้ว ท่านก็จะมาปกปักรักษาคนที่สร้างบุญรวมถึงสถานที่นั้นด้วย ยิ่งบ้านไหนไหว้พระสวดมนต์ประจำ มีพระพุทธรูป เทวดาท่านก็จะมากราบไหว้และรักษาพระพุทธรูปด้วย ทำให้พระพุทธรูปองค์นั้นๆ ศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งพระพุทธรูปองค์องค์ไหนคนกราบไหว้บูชาเยอะ ก็ยิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะเทวดามารักษาเยอะ เรื่องนี้ครูบาอาจารย์ท่านทราบดีจึงได้บอกว่า เวลาจะสร้างบุญกุศลใดๆ ให้สวดบทชุมนุมเทวดาเพื่ออัญเชิญท่านมาร่วมด้วยทุกครั้ง บทสวดมนต์ชุมนุมเทวดา เป็นบทสวดมนต์เพื่ออันเชิญเทวดามาฟังธรรมของพุทธองค์ แต่ถ้าท่านรู้คำแปลแล้วจะเห็นว่าไม่เฉพาะเทวดาเท่านั้น จริง ๆ แล้วเป็นการประกาศเชิญให้ผู้สนใจเข้ามาฟังธรรมของพุทธองค์ และบทสวดนี้ตอนขึ้นต้นจะเป็นการเตือนผู้สวดให้ระลึกอยู่เสมอว่า ต้องประกอบด้วยเมตตาจิต มีสมาธิไม่ฟุ้งซ่านนั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างธรรมทานพร้อมกันไปในครั้งเดียว จากนั้นก็เริ่มสวดมนต์ ขอให้สวดบูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีล อาราธนาศีล 5หรือ 8 เสียก่อน เพื่อให้ตนบริสุทธิ์ ไปตามจริตตนชอบบทไหนก็สวดบทนั้น ( *ระหว่างที่เราเริ่มตั้งนะโมฯ ก็ให้เรานำเงินที่เตรียมไว้ จบเอาไว้ในมือ จะกี่บาทก็ได้ ๕ บาท ๑๐ บาท หรือ ๒๐ บาท หรือจะมากกว่านั้นตามแต่ศรัทธา จากนั้นก็เริ่มสวดบทต่อไป) เมื่อสวดมนต์เสร็จ จากนั้นให้ เอาเงินที่จบไว้ในมือ ใส่เงินลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ที่หิ้งพระหรือโต๊ะหมู่บูชา หรือหน้ารูปพระ ในขณะที่ใส่ให้นึกถึงภาพว่าตนเองกำลังใส่บาตรกับพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอรหันต์เจ้า พระสิวลี พระอุปคุต พระสังกัจจายน์หรือพระสงฆ์ที่ท่านเคารพ เมื่อมีเวลาว่างให้เอาเงินนั้นไปทำบุญที่วัดเขียนหน้าซองว่า ถวายเป็นค่าภัตตาหาร เป็นสังฆทาน เป็นค่าน้ำค่าไฟ ทำหนังสือธรรมทาน ซื้อโลงศพอะไรก็ได้ที่พระสงฆ์ท่านเชื้อเชิญให้สร้างบุญ สำหรับท่านที่จะสวดเพิ่มเติมคาถาหรือบทสวดใดต่อ ก็ขอให้ท่านเลือกสวดได้ตามใจที่ท่านปรารถนาเพราะบทสวดนั้นดีทุกบทแน่นอน ที่ลงคำแปลบางบทไว้เพื่อท่านจะได้เข้าถึงธรรมได้มากขึ้น บุญจะมากขึ้น ขอให้ตั้งใจจริงก็จะเห็นผลจริงเช่นกัน จนสมควรแก่เวลาสวดมนต์เสร็จ ควรทำสมาธิต่อและออกจากสมาธิ ก็ขอให้ทำใจให้อภัย ให้อโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวร คนที่ทำให้เราขุ่นข้องหมองใจ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม สัตว์ก็ตามอีกครั้ง เมื่อให้อโหสิกรรมเสร็จแล้ว ให้อธิษฐานจิตดังนี้ ตัวอย่าง คำอุทิศบุญประจำวันหลังสวดมนต์ ข้าพเจ้า………………….(ชื่อของเรา ถ้ามีการเปลี่ยนชื่อให้บอกทั้งชื่อเก่าและชื่อใหม่แต่ถ้าเปลี่ยนมาหลายครั้งจนจำไม่ได้ให้ใช้ชื่อเก่า ) ขออุทิศบุญที่เกิดขึ้นจากการทำทาน ศีล ภาวนา ที่สำเร็จแล้วในวันนี้ และที่เคยทำมาในอดีตชาติรวมถึงที่จะมีขึ้นในปัจจุบันเป็นมหาทาน มหากุศล ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ถวายและมีส่วนร่วมในพระบุญบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ ตั้งแต่องค์ปฐมจนถึงองค์ปัจจุบัน พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอรหันต์เจ้า พระอริยสงฆ์ พระมหาโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ เพื่อโมทนาพระคุณความดีของ ครูบาอาจารย์ทุกพระองค์ ทุกองค์ ทุกท่านจนถึงที่สุด โดยเฉพาะหลวงปู่ทวด หลวงปู่แสง สมเด็จโต ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น หลวงพ่อปาน หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ หลวงพ่อสด หลวงพ่อโอภาสี หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อเกษม หลวงปู่แหวน หลวงปู่สิม หลวงปู่ดู่ ครูผึ้ง ครูแจง และครูบาอาจารย์ที่ไม่ได้เอ่ยนามทั้งสิ้นทั้งปวง (สำหรับพระอริยสงฆ์ครูบาอาจารย์ที่ยกมาเป็นตัวอย่างนั้นเป็นของธงธรรมรักษ์ สำหรับท่านผู้อ่านแล้วขอแล้วแต่ท่านเลื่อมใส) อุทิศแด่พรหมเทพเทวดาทั้ง ๑๖ ชั้นฟ้า ๑๕ ชั้นดิน ๑๔ ชั้นบาดาล พรหมเทพเทวดาที่ปกป้องดูแลประเทศไทยและพระมหากษัตริย์แห่งแผ่นดินสยามทุกพระองค์ เทวดาประจำตัวของข้าพเจ้า เทวดาที่รักษาเคหะสถานและกิจการการค้า ณ บ้านเลขที่………………(สถานที่ตั้งบ้านและร้านค้ากิจการของเรา) ดวงพระวิญญาณ ท่านผู้มีพระคุณต่อแผ่นดิน บรรพบุรุษ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ผู้มีพระคุณ ญาติก็ดีไม่ใช่ญาติก็ดี เหล่าสรรพสัตว์ เหล่าสรรพวิญญาณทั้งหลาย อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย เทวดาใกล้ตัว คนใกล้ตัว สัตว์ใกล้ตัว โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรที่มาขัดขวางทางกุศลทั้งปวงในขณะนี้ ขอให้ท่านมาร่วมอนุโมทนาและโปรดรับบุญกุศลที่เกิดขึ้นนี้ หากท่านพอใจยินดีในบุญกุศลที่เกิดขึ้นนี้ ขอให้ท่านให้อโหสิกรรมและถอนตัวจากอุปสรรคต่างๆ ที่ท่านทำให้เกิดขึ้นทั้งปวง และข้าพเจ้าให้อโหสิกรรมต่อท่าน ขอถอนคำสาปแช่ง คาถาเวทมนต์ที่อาจจะเคยกระทำกับท่านทั้งปวง ขอให้หมดสิ้นเวรกรรมทั้งปวงต่อกันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากท่านไม่สามารถมารับได้ ขอเมตตาจากท่านท้าวยมราช นายนิริยะบาล แม่พระธรณี ท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ โปรดมาเป็นสักขีพยานในการสร้างบุญในครั้งนี้และขอเมตตาฝากบุญกุศลนี้ไว้กับท่าน เมื่อเจ้ากรรมนายเวรถึงเวลาอยู่ในภพภูมิที่รับได้โปรดเมตตาส่งบุญให้ด้วย ขออานิสงส์ผลบุญนี้ จงเป็นพละปัจจัยให้ข้าพเจ้า (หรือผู้อื่นกรณีอุทิศให้ผู้อื่น) ปรารถนาสิ่งใดก็ให้ว่าไป โดยต้องเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม ( อาทิ เพื่อความสำเร็จต่าง ๆ ให้ธุรกิจการงานราบรื่น มีผลกำไรดี ให้คิดดี พูดดี ทำดีต่อกัน สนับสนุนกัน ขอให้หายเจ็บไข้ได้ป่วย ให้พ้นจากภาวะทุกข์ทั้งหลาย ปัญหาอุปสรรคทั้งหลายที่เป็นอยู่ ต้องระบุ บอกรายละเอียด ฯลฯ…) นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เทอญ (คำอุทิศบุญนี้พยายามนึกถึงท่านที่เราจะอุทศให้ให้ได้ ถ้าจำไม่ได้ให้พูดแบบที่เราถนัดง่ายๆ มาจากใจจริงๆ หรือสะดวกที่จะถ่ายเอกสาร คัดลอกเอาไว้ส่วนตัววางไว้ที่หิ้งพระ หรือที่สะดวกในการนำมาใช้ในทุกวัน จะแบบไหนพิจารณากันเอง แต่ขอให้อุทิศบุญทุกครั้งที่สร้างบุญ) ถ้าอยากได้เรื่องอะไรให้ไปขอในตอนอธิษฐานจิตเอา ตรงนี้สำคัญต้องขอย้ำอีกครั้ง สุดท้ายขอให้ทราบไว้เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างบุญว่า ถ้าท่านทำได้ครบตามที่แนะนำมาทั้งหมด ทุกท่านก็จะได้สร้างบุญบารมีครบถ้วน ทั้ง ๑๐ ประการหรือบารมี ๑๐ ทัศ ซึ่งเป็นบารมีขั้นสูงสุดที่มนุษย์ทุกคนทำได้ และถ้าได้ทำครบถ้วนมากที่สุดจะยิ่งเจริญไม่มีใครหยุดยั้งได้ ประกอบไปด้วย ๑. ทานบารมี ขณะที่เราสวดมนต์เสร็จ เราทำทานคือเอาเงินที่จบใส่ใน กระปุกออมสิน หรืออื่นๆ เป็น ทานบารมี ๒. ศีลบารมี ขณะที่เราสวดมนต์อยู่ในขณะนั้นเราไม่ได้ทำบาปกรรมกับใคร มีศีลอยู่ในขณะที่สวดมี ศีลบารมี ๓. เนกขัมมบารมี ขณะที่เราสวดมนต์อยู่ จิตของเราปราศจาก สิ่งมามารบกวนจิตใจ ถือว่าเป็นการบวชใจ ถือว่าเป็น เนกขัมมบารมี ๔. ปัญญาบารมี การสวดมนต์ทำด้วยความศรัทธา ทำด้วยปัญญาที่เห็นว่ามันเป็นประโยชน์ช่วยฝึกฝนให้เกิดสติ มีสมาธิเป็น ปัญญาบารมี ๕. วิริยะบารมี ถ้าเราไม่มีความเพียร เราก็สร้างบุญทั้งทาน ศีลเจริญภาวนาในวันนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรานั้นคือ ความเพียรเป็น วิริยะบารมี ๖. ขันติบารมี มีความเพียรแล้ว ไม่มีความอดทน ความเพียรก็ตั้งอยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องมีความอดทน ความอดทนเป็น ขันติบารมี ๗. สัจจะบารมี มีความเพียร มีความอดทนแล้ว และมีความจริงใจในการประพฤติปฏิบัติ ซึ่งความจริงใจคือ สัจจะบารมี ๘. อธิษฐานบารมี เมื่อเราสวดมนต์เสร็จ ทำสมาธิ ตั้งจิตอธิฐาน การอธิฐานเป็น อธิษฐานบารมี ๙. เมตตาบารมี ใส่บาตร สวดมนต์เสร็จ ก็ต้องแผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศล การแผ่เมตตาที่เราทำนั้นเป็น เมตตาบารมี ๑๐. อุเบกขาบารมี ขณะที่เราแผ่เมตตา เราต้องทำใจของเราให้มีเมตตา ต่อสัตว์ทั้งหลาย ทำใจให้เป็นพรหมวิหาร ๔ อุเบกขา วางเฉย อโหสิกรรม ให้อภัยกับบุคคลที่เราเคยล่วงเกินกันมา ไม่โกรธใคร ไม่เกลียดใคร ไม่ชอบใคร ไม่ชังใคร ทำใจให้นิ่ง ทำจิตให้สงบ วางใจให้เป็นอุเบกขา ถือเป็น อุเบกขาบารมี บารมี ๑๐ ทัศนั้นถือว่าเป็นมหาบุญกุศล ที่ทำให้คนพบกับความสุขทั้งในทางโลกและทางธรรม ครูบาอาจารย์ที่สอนเคล็ดวิชานี้ ที่ขอเมตตาจากท่านนำมาบอกอย่างละเอียดในบทนี้ ท่านยังบอกอีกว่าหากใครทำได้ครบถ้วนตลอดเวลาแล้ว ถือว่าเป็นการปลุกเสกตัวเองให้ศักดิ์สิทธิ์ด้วย ซึ่งจะส่งผลให้คนที่ทำนั้นสามารถสร้างปาฏิหาริย์ให้กับชีวิตตนเองได้ https://torthammarak.wordpress.com/…/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0…/
หน้าที่เข้าชม | 507,754 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 416,244 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 7 ก.ย. 2568 |