ทำไมพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายจึงรู้แจ้งเห็นจริง และระลึกชาติต่างๆของตนและผู้อื่นได้ ..
จิตที่ละเอียด ละเอียดกว่าอนุภาคอิเล็กตรอน และอนุภาคที่มนุษย์ค้นพบด้วยวิทยาศาสตร์ ..
ในห้วงจักรวาลและดาวขนาดใหญ่ ดาวขนาดเล็ก ก้อนหิน โลหะ ดิน สิ่งมีชีวิต ไม่มีชีวิต สะสาร โมเลกุล อะตอม อิเล็กตรอน โปรตรอน นิวตรอน และอนุภาคต่างๆ ล้วนก่อกำหนดมาจากสิ่งเดียวกัน ที่เล็กมาก เราเรียกว่าอนุภาค เมื่อมันรวมกัน และยึดติดกันเป็นรูปร่างลักษณะใดลักษณะหนึ่งด้วยพลังงานหน ึ่งที่ทำให้มันดึงดูดกันรวมกันได้ เราจึงได้รู้จักลักษณะเฉพาะของมัน บางลักษณะเราเรียกว่า อิเล็กตรอน บางลักษณะเรวเรียกว่าโปรตรอน บางลักษณะเราเรียกว่า นิวตรอน และที่พบใหม่ก็มีเช่น อนุภาคฮิวส์ มันยังอาจมีอีกหลายหลายแบบที่มนุษย์ยังไม่รู้จักว่ามันคือ อะไรและควรเรียกว่าอะไร เพราะจะรู้จักได้เราต้องแลกด้วยการส่งพลังงานหรือคลื่นบาง อย่างเข้าไปสัมผัสแล้วให้มันสะท้อนมาให้เราได้รับรู้ได้เห ็นปฏิริยาตอบรับ บางครั้งอนุภาคที่เคลือนไหวตลอดเวลาเมื่อมีคลื่นที่นักวิท ยาศาสตรส่งเข้าไปมันก็หยุดทันทีเพราะโดนดึงดูดด้วยคลื่นที ่ส่งเข้าไปให้หยุด มนุษย์ก็เข้าใจไปว่าอนุภาคนั้นไม่ได้เคลือนไหว เราจึงไม่อาจรู้ชัดด้วยการทดลองในเท็คโนโลยีปัจจุบัน
แต่มีสิ่งหนึ่งที่มนุษย์ลืมคิดไปก็คือ ว่ามนุษย์เองก็เป็นสะสารเป็นการประกอบด้วยอะตอมด้วยโมเลกุ ล ด้วยอนุภาคเหมือนกัน มันก่อเกิดรวมกันหลายๆประเภทจนเป็นมนุษย์ ثากเราจะรู้จักความลับของสรรพสิ่งในจักรวาลนี้ แทนที่เราจะศึกษานอกกายเราอาจดูในตนเองแทน
พระพุทธเจ้าได้ค้นพบความลับนี้ ด้วยการทำจิตให้นิ่ง จนแยกอนุภาคต่างๆ ออกจากศูนย์กลางของจิต ทีละน้อย ทีละน้อย
จากกายหยาบที่คุมด้วยอวัยะ ซึ่งอวัยวะก็มีศูนย์กลางทำงานอัตโนมัติของมันเอง แล้วอวัยวะก็ถูกคุมด้วยสมองอีกครั้ง สมองก็พยายามคุมทุกส่วนทั้งส่วนอัตโนมัติและส่วนจิตสำนึก แต่มีสิ่งหนึ่งที่แท้จริงแล้วสามารถแยกการควบคุมจากสมองได ้นั้นคือจิต (สำนึก) ที่นิ่งและละเอียดพอ
หากเมื่อมนุษย์หรือสัตว์เสียชีวิต ร่างกายเน่าสลายหรือถูกเผาด้วยไฟ จนกลายเป็นเถ้าถ่านไป จิตและอนุภาคขนาดเล็กนั้น มีความละเอียดมากและคงทนมาก ไฟไม่อาจทำลายได้เลยแม้แต่น้อย อนุภาคที่เคยเป็นส่วนประกอบของขา ของหัว ของตา ของแขนและอวัยวะต่างๆยังคงอยู่และยังคงดึงดูดจับกันเป็นก้ อนอยู่อย่างนั้น โดยที่เรามองไม่เห็น และมันยังถูกดึงดูดควบคุมด้วยจิตอยู่ แม้สมองจะไม่มีพลังเหลือแล้วเพราะถูกเผาสลายไป
การรวมตัวอยู่นี้ของอนุภาคต่างๆคล้ายกายหยาบเดิมเรียกว่าว ิญญาณ เขาจะเคลื่อนที่ ขยับไปมาได้แล้วแต่กำลังควบคุมของจิตที่ตั้งมั่นถือมั่นก่ อนตาย มันยังทำงานได้คล้ายยังมีชีวิตแต่เป็นชีวิตในสภาวะที่เราอ าจเรียกว่าภพภูมิ
ย้ำอีกครั้งว่าอนุภาคที่ก่อเป็นวิญญาณ ก็เป็นอนุภาคเดียวกันที่ก่อเป็นต้นไม้ เป็นหิน ดิน ไฟ น้ำ และสะสารทั้งหมดในจักรวาลอันกว้างใหญ่ ทุกอนุภาคต่างดึงดูดกันและกันถ่ายโอนพลังงานกันและกัน เพื่อหาจุดสมดุลของมัน บางอย่างก็ถูกกระตุ้นให้แปลงสภาพไปเพราะพลังงานใหม่เข้ามา รบกวนแล้วสะสมในอนุภาคเดิม ทำให้รูปร่างลักษณะเปลี่ยนไป แต่ทุกอนุภาคยังคงมีพลังงานดึงกันและกันมากน้อยตามจุดสมดุ ล เหมือนดาวเคราะห์ที่ถูกดึงด้วยพระอาทิตย์ให้โคจรรอบวันแล้ ววันเล่า บางครั้งเราก็พบว่ามีดาวหาง วิ่งผ่านด้วยความเร็วสูงเกือบจะชนดาวเคราะห์ โดยดาวหางนั้นแท้จริงก็กำลังโคจรรอบดาวดวงอื่นที่อาจใหญ่แ ละอยู่ห่างออกไปไกลโพ้น
อิเล็กตรอนในร่างการมนุษย์ก็กำลังวิ่งโคจรศูนย์กลางของอะต อม และอะตอมบางตัวจับกันเป็นโครงสร้างทางเคมี ที่มีความยึดหยุ่นเพราะน้ำเป็นส่วนประกอบและน้ำก็มาจาก อ๊อกซิเจน และไฮโดรเจน ที่จับกันเป็นโมเลกุลเหมาะสมด้วยพลังงานที่มันได้รับมา แต่เมื่อไร่ที่ถูกกระตุ้นเพิ่มพลังงานเข้าไปมันก็แยกกันออ กกลายเป็นไอ เป็นธาติ ไฮโดรเจน และเมื่อไฮโดรเจนนี้จับกันด้วยพลังงานรูปแบบใหม่มันก็อาจก ลายเป็น ฮีเลียมซึ่งก็คือนิวเคลียร์บนดวงอาทิตย์ที่ลุกไหม้ตลอดเวล าอย่างที่เราเห็น
ทุกๆอย่างมันเชื่อมกันด้วยคลื่นพลังงาน และคลื่นเหล่านี้ก็มีสื่อส่งถึงกันแล้วแต่ว่าปลายทางจะแปล มันออกหรือไม่ เหมือนกับที่เราโทรศัพพ์ ออกไปเป็นคลื่นลอยไปในอากาศ แล้วปลายทางก็แปลงกลับมาเป็นเสียงเดิมได้
หากมนุษย์ตัดพลังควบคุมจากสมองออกจากจิตได้ ก็จะทำให้จิตเป็นอิสระ และเมื่อตัด ส่วนประกอบบางอย่างที่ครอบจิตอยู่ได้ออกไปเรื่อยๆ ก็จะได้จิตที่ละเอียดลงไปเรื่อยๆ
พระอรหันต์ทั้งหลายทำเช่นนั้นได้แล้ว โดยเริ่มจากการทำจิตให้หยุดนิ่งจนสมองไม่ต้องการเข้าไปควบ คุมดูแลอีก เพราะเห็นว่าปลอดภัยแล้ว (สมองทำหน้าที่หลักคือดูแลความปลอดภัย) จิตจึงเริ่มบริสุทธิ์ และจิตไม่ได้มีอนุภาคเดียว ยังมีอนุภาคต่างๆเป็นส่วนประกอบมากมายที่เหนียวแน่นเหมือน เป็นอีกชีวิตนึง แต่ได้อิสระจากสมองแล้ว ด้วยอนุภาคต่างๆที่มีอยู่เป็นอนุภาคที่ละเอียดมีพลังงานที ่ส่งเคลื่อนถึงเครื่องลับเดียวกันที่ห่างออกไปไกลแสนไกลแม ้นนอกจักรวาล แล้วแต่ความหาแน่นที่บริสุทธิ์ของจิตที่ได้สะสมมาในแต่ละช าติภพ เมื่อถึงตอนนั้นจึงระลึกชาติตนได้เพราะความจำทั้งหมดต่างผ ่านเข้ามาในเก็บไว้ใจจิตนี้แต่ ไม่ได้ถูกนำออกมาให้ระลึกได้ในสภาวะปกติเพราะสมองได้ควบคุ มและตัดไปว่าไม่ใช่เรื่องจริงที่ให้นำกลับมาไว้ในสมองได้ เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นตอนที่สมองเกิดในชาตินี้
แต่เมื่อจิตสงบไม่มีการควบคุมจากสมองแล้วจิตจึงสามารถจดจำ ได้ فละเมื่อจิตสามารถสื่อสารไปยังจิตอื่นๆ ของคนอื่นที่มีลักษณะเครื่องลับเหมือนกันจึงทำให้สามารถระ ลึกชาติบุคคลอื่นได้เช่นกัน
การบรรลุธรรมของพระอริยเจ้าก็เป็นเช่นนี้ หากสามารถทำจิตให้ละเอียดลึกเข้าไปอีก ตัดส่วนที่ประกอบเป็นรูปร่างขณะนั้นลอกออกจะพบว่ามีรูปร่า งซ้อนลงไปในนั้นอีกอันเป็นการสะสมชั้นมาในอดิตชาติและละเอ ียดมากขึ้นจึงทำให้สื่อสารกับจิตที่ละเอียด และสื่อสารกับอนุภาคอื่นๆ อันละเอียดเท่ากันได้ ทำให้รู้แจ้งเห็นสรรพสิ่งกว้างใหญ่มากยิ่งขึ้น
ด้วยการตัดพลังอยากพลังการต้องการอยู่รอดอันเป็นหน้าที่ขอ งสมองและสะสารทั่วไปแล้ว เวลานั้นก็คืออิสระและหลุดพ้นจากพลังอำนาจใดๆ ทำให้ไม่มีพลังวัฏรสงสารดึงดูดให้กลับไปเกิด หรือไปเป็นนั่นเป็นนี่ได้อีก มีอิสระจะอยู่ที่ใด จะสุขอย่างไรก็ได้ นั่นแหละคือการหลุดพ้น คือพระนิพพาน ที่ควรแก่การแสวงหา
http://www.zoploen.com/blog/93/%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%86%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87/
| หน้าที่เข้าชม | 512,785 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 421,275 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 4 พ.ค. 2558 |
| ร้านค้าอัพเดท | 19 ต.ค. 2568 |