ทุกอย่างมีวาระ
คำว่า วาระ หมายถึง ระยะเวลาที่ให้ผล ทุกอย่างในโลกของเรานี้มีเวลาที่ให้ผลเป็นของตัวเอง อย่างเช่น เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าเมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา คำถามคือ ทำไมไม่เป็น 15 พรรษา 25 พรรษา ทำไมต้องเป็น 35 พรรษา พระสีวลี บรรลุพระอรหัต ตั้งแต่ 7 ขวบ เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เพราะว่าทุกอย่างมีวาระของตนเอง เปรียบได้กับการหวังผลต้องการทานผลมะม่วงที่ตนเองปลูกขึ้น ถามว่าต้องทำอย่างไรบ้าง ก็ต้องไปหาเมล็ดพันธุ์ เตรียมดิน เตรียมปุ๋ย นำเมล็ดลงดิน รดน้ำใส่ปุ๋ย ถามว่าเมื่อทำเสร็จแล้ว เราสามารถได้ผลของต้นมะม่วงเลยหรือไม่ ตอบได้ว่าไม่ เพราะอะไร ก็เพราะมันยังไม่โตพอที่จะให้ผลน่ะสิ แล้วรออะไรอยู่อีกล่ะ เมล็ดก็ลงดินแล้ว ปุ๋ยก็ใส่แล้ว น้ำก็รดแล้ว ทำไมไม่ได้ทานผลมะม่วงซักที สิ่งที่ต้องรอก็คือ วาระของการให้ผลของมะม่วง แม้จะทำทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ยังมีเงื่อนไขของเวลา แล้วเงื่อนไขเหล่านั้นคืออะไรมาจากไหน สิ่งเหล่านี้ก็เป็นผลจาการกระทำของเรานั่นเอง ซึ่งเป็นเรื่องกฎแห่งกรรม การให้ผลของกรรมนั้น ให้ผลในเวลาที่แตกต่างกันตามความสำคัญ เช่น ครุกรรม (อ่านว่า คะรุกำ) แปลว่า กรรมหนัก คือกรรมที่มีผลมาก มีโทษรุนแรงที่สุด เป็นชื่อกรรมอย่างหนึ่งเรียกตามการให้ผลหนักเบา
ครุกรรมจัดเป็นกรรมที่หนักที่สุด ให้ผลเร็วและแรง มีทั้งฝ่ายที่เป็นกุศลคือฝ่ายดีและฝ่ายที่เป็นอกุศลคือฝ่ายไม่ดี ครุกรรมที่เป็นกุศลได้แก่ฌานสมาบัติ ๘ ผู้ได้ฌานสมาบัติชื่อว่าได้ทำกรรมฝ่ายกุศลที่ดีที่สุด เมื่อสิ้นชีวิตแล้วย่อมได้เกิดในพรหมโลกทันที ส่วนครุกรรมที่เป็นอกุศลได้แก่อนันตริยกรรม 5 คือ 1.มาตุฆาต – ฆ่ามารดา 2.ปิตุฆาต – ฆ่าบิดา 3.อรหันตฆาต – ฆ่าพระอรหันต์ 4.โลหิตุปบาท - ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนถึงพระโลหิตห้อ ขึ้นไป เช่น พระเทวทัตได้ทำร้ายพระพุทธองค์ ในสมัยพุทธกาล 5.สังฆเภท - ยังสงฆ์ให้แตกกัน ทำลายสงฆ์ ผู้ทำอนันตริยกรรมชื่อว่าได้ทำกรรมฝ่ายอกุศลที่ร้ายแรงที่สุด เมื่อสิ้นชีวิตแล้วย่อมเกิดในนรกทันที ครุกรรมย่อมให้ผลก่อนกรรมอื่นเสมอ อุปมาเหมือนวัวแก่มีกำลังน้อย แต่ยืนอยู่ตรงปากประตูคอกพอดี ย่อมจะออกจากคอกได้ก่อนวัวหนุ่มอื่นๆ ทั้งหลาย
การประกอบพิธีกรรม หรือใช้วัตถุมงคลต่าง ๆ ก็เช่นเดียวกัน เปรียบเหมือนได้เมล็ดพันธุ์ ใส่ปุ๋ย รดน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องรอวาระแห่งการให้ผล ซึ่งต้นทุนของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนได้เมล็ดที่ดีมา บางคนได้เมล็ดไม่ดีมา บางคนได้กิ่งตอนมา การได้ผลของแต่ละคนจึงไม่เหมือน ระยะเวลาในการให้ผลก็แตกต่างกัน เพราะฉะนั้น จงอย่าเร่งเวลา และทำในสิ่งที่ต้องทำอย่างถูกต้อง ที่สำคัญที่สุดอย่าให้จิตมีความเศร้าหมอง มีความโลภอยากมากจนเกินไป จงทำจิตให้ผ่องใส เพราะจิตที่ผ่องใสนั่นคือจิตที่มีพลัง
อ.ทองเอก พรเทวะ
หน้าที่เข้าชม | 510,774 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 419,264 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 30 ก.ย. 2568 |