วิธีการฝึกตนเองให้เป็น “นักสะกดจิต”
วิชาการสะกดจิตมีคุณค่าต่อชีวิตมนุษย์อย่างที่คาดไม่ถึง การทำความเข้าใจกับวิชาสะกดจิตนั้นจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างขาดไม่ได้ ผู้ที่ให้ความสนใจ ทำการฝึกฝนและสามารถนำไปใช้สะกดจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกคนเหล่านี้ว่า “นักสะกดจิต”
การจะเป็นนักสะกดจิตที่มีความสามารถสูงได้นั้น ต้องได้รับการฝึกฝน ซึ่งการฝึกฝนนั้นมีอยู่หลากหลายวิธี การฝึกฝนแต่ละวิธีนั้นจะเป็นการฝึกจิตให้กับนักสะกดจิตให้มีจิตที่เข้มแข็งจนสามารถควบคุมจิตของตนเองไม่ให้วอกแวก เมื่อจิตใจเข้มแข็งก็จะสามารถควบคุมการสะกดจิตผู้อื่นให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ
การเป็นนักสะกดจิตนั้น นอกจากจะเป็นเพื่อใช้ในการสะกดจิตผู้อื่นเพื่อการแก้ไขปัญหาทางจิตแล้ว ยังเป็นการศึกษาเข้าไปในจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ลึกลับซับซ้อน ซึ่งในปัจจุบันนี้ยังมีปริศนาอีกมากที่ยังรอการค้นหาคำตอบ การฝึกฝนจึงถือว่าเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะทำให้ก้าวไปถึงจุดนั้น ซึ่งมีอยู่หลากลายวิธีดังต่อไปนี้
วิธีฝึกรวมจิต
การฝึกรวมจิตนั้นเป็นพื้นฐานของการกำหนดจิต ซึ่งมีการฝึกสอนและสอดแทรกในทางศาสนาทุกศาสนา แม้ว่าจะมีวิธีการที่แตกต่างกันคนละแบบ แต่หลักการนั้นมีลักษณะเหมือนกันเป็นการกำหนดลมหายใจเข้าออก พร้อมกับการกำหนดจิตใจของตนเองให้สงบนิ่ง ไม่หวั่นไหวไปตามสิ่งเร้าที่อยู่รอบข้าง
อุปกรณ์ที่ใช้นั้นแทบไม่มีความสำคัญมากนัก เน้นให้ความสำคัญทางด้านร่างกายและจิตใจเป็นหลัก โดยก่อนที่จะทำการฝึกต้องมีการเตรียมตัวและเตรียมจิตใจให้พร้อมเสียก่อน จึงจะทำให้การฝึกนั้นมีผลลัพธ์ออกมาดี
การเตรียมตัวก่อนการฝึก
1. ต้องทำกิจกรรมส่วนตัวให้เสร็จสิ้นก่อนทำการฝึกประมาณ 15 นาที กิจกรรมส่วนตัวที่ว่านั่นหมายถึง การแปรงฟัน อาบน้ำ ถ่ายปัสสาวะและอุจจาระให้เรียบร้อย
2. ควรหาสถานที่ที่เหมาะสม สถานที่ที่ทำการฝึกควรจะเป็นที่ซึ่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่มีเสียงดังรบกวน อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้พร้อม ทั้งเก้าอี้ เบาะนั่งและอื่นๆ
3. ควรแต่งกายให้เรียบร้อยเหมาะสม เสื้อผ้าที่ใส่เน้นเรื่องของความสบาย อีกทั้งต้องทำจิตใจให้สงบก่อนการฝึกพยายามลืมปัญหาและเรื่องอื่นๆไว้ข้างหลัง
4.หากว่ามีอาการป่วยควรละเว้นการฝึก ต้องรอจนกว่าอาการป่วยนั้นจะหายสนิท เพราะหากว่า ฝึกจิตทั้งที่มีอาการป่วยย่อมจะส่งผลได้ไม่เต็มที่
5.สุรา ยาเสพย์ติดควรงด เพราะเป็นสิ่งที่คอยรบกวนจิตใจของเราให้ฟุ้งซ่าน หากจะให้ได้ผลจริงๆควรที่จะรักษาศีล 5 พร้อมกับการฝึกจิตไปด้วย เพื่อให้จิตของผู้ฝึกนั้นสะอาดขึ้นและยังพร้อมที่ได้รับการฝึก
6.ก่อนที่จะทำการฝึกจิตด้วยวิธีนี้ต้องทำจิตของเราให้ตั้งมั่นหนักแน่นเสียก่อน อย่าหวังผลมากเกินไป เพราะการฝึกจิตนั้นมักจะต้องใช้เวลาในการเห็นผลอยู่ระหว่าง 15-30 วัน หากว่าใจร้อนหรือหวังผลในระยะสั้นมากเกินไป แต่ไม่ได้ผลตามที่หวังอาจจะเป็นต้นเหตุของการเลิกฝึกไปก็ได้
วิธีการฝึก
1. ให้นั่งบนเก้าอี้ที่ไม่สูงและต่ำจนเกินไป ให้เลือกเก้าอี้ที่เหมาะสมกับตัวเรา อาจจะใช้เบาะรองนั่งเพื่อให้นั่งสบายมากขึ้นก็ได้ เพราะการฝึกในแต่ละครั้งนั้น ต้องใช้เวลานั่งติดต่อกันประมาณ 50 นาที ซึ่งก็ถือว่านานพอสมควร
ในการนั่งนั้น ต้องปล่อยตัวตามสบายตามธรรมชาติ แต่ไม่นั่งสบายเกินไปและไม่นั่งเกร็งเกินไปด้วย อุ้งเท้าทั้งสองข้างเหยียบลงกับพื้น แนวหัวเข่าและส้นเท้าให้เป็นเส้นตรงตั้งฉากกับพื้น มือทั้งสองข้างกำหมัดแบบหลวมๆ วางไว้บนหัวเข่า จากนั้นนั่งให้ศีรษะกับลำตัวเป็นเส้นตรง ไหล่ทั้งสองข้างเสมอกัน ตาทั้งสองข้างมองตรงไปข้างหน้าระดับสายตา
2. การนั่งนั้นให้หันหน้าเข้าหากำแพง ในแนวตั้งฉากกับกำแพง มีระยะห่างประมาณ 1 วา บนผนังให้เขียนจุดสีดำขนาดเท่าเม็ดถั่ว ไว้ในระดับสายตา ให้อยู่ตรงกลางระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง
3. ให้ใช้สายตาทั้งสองมองไปที่จุดสีดำนั้น โดยไม่เบิกตากว้างหรือหรี่ตามากเกินไป ในระหว่างที่จ้องให้สูดลมหายใจเข้าอย่างหนักหน่วงและช้าๆ กำหนดให้ให้แล่นเข้าสู่จุดศูนย์ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าสะดือลงไป 1.6 นิ้ว
ให้ระลึกว่าจิตของเรารวมตัวกันอยู่จุดนั้น จากนั้นให้ ปล่อยลมหายใจออกมาอย่างช้าๆและเป็นจังหวะต่อเนื่องๆ ไม่ขาดตอน จนลมออกไปจากบริเวณศูนย์จนหมด พร้อมกับนับในใจว่า 1 ครั้ง จากการเริ่มสูดลมหายใจเข้า จนลมหายใจออกหมดให้ใช้เวลาในกระบวนการนี้ 1 นาที
4. หลังจากนั้นให้ทำติดต่อกันจนครบ 50 ครั้งใช้เวลาประมาณ 50 นาที ทำ 2 ครั้งต่อวันคือ ตอนตื่นนอนและตอนเข้านอน ทุกวันเป็นเวลา 1 เดือน ก็จะเริ่มเคยชินและสามารถทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ ในการฝึกในช่วง 1-3 วันแรก อาจจะเกิดการนับที่ผิดหรือเกิดหายใจผิดจังหวะก็ให้เริ่มนับใหม่ทุกครั้งที่ผิดพลาด จนกว่าจะนับถูกต้อง
5. หลังจากฝึกเสร็จควรนั่งสงบอยู่ประมาณ 10 นาที จากนั้นจึงทำการบริหารร่างกายอย่างง่ายอย่างเช่นเดินหรือบิดตัวไปมาเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย เป็นอันเสร็จสิ้นการฝึก
เคล็ดลับในการฝึก
การที่ให้จ้องจุดดำนั้นเพื่อให้จิตนั้นรวมตัวกัน ณ จุดเดียว ไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งเร้ารอบข้างหรือความคิดอื่นที่แตกแยกออกไป เป็นการช่วยให้ง่ายต่อการควบคุม ส่วนการที่นับลมหายใจนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยฝึกให้เราควบคุมจิตใจ ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกกระบวนการนั้นเป็นไปอย่างช้าๆ เพื่อให้ง่ายต่อการฝึกจิต การฝึกในลักษณะนี้เป็นการฝึกจิตในระดับพื้นฐาน
ซึ่งจะช่วยให้การฝึกในรูปแบบอื่นง่ายขึ้น หลังจากที่ฝึกได้ประมาณ 30 วันขึ้นไปจะสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของจิตอย่างเห็นได้ชัด จะเป็นคนที่แก้ปัญหาเก่งขึ้นเพราะจิตมีสมาธิ ซึ่งเป็นต้นตอของปัญญา และจะมีภาวะจิตที่เข้มแข็งจนสามารถชักจูงจิตใจของผู้อื่นได้
| หน้าที่เข้าชม | 512,721 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 421,211 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 4 พ.ค. 2558 |
| ร้านค้าอัพเดท | 19 ต.ค. 2568 |