"ไตรสรณคมน์" คือ วิธีการบวชในอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งพระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้เหล่าสาวกของพระองค์สามารถบวชให้แก่ผู้ที่มีความศรัทธาโดยไม่ต้องนำพามาให้พระองค์บวชให้
โดยวิธีการบวชในศาสนาพุทธนั้นจะมีอยู่ 3 วิธี ต่อไปนี้จะเปรียบเทียบให้เห็นถึงความแตกต่างของการบวชทั้ง 3 วิธี คือ
1. เอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ วิธีที่พระพุทธองค์ทรงให้การอุปสมบทด้วยพระองค์เอง วิธีการออกบวชด้วยวิธีนี้ไม่มีอะไรยุ่งยาก คือ เพียงแค่มีผู้ที่เลื่อมใสอยากจะอุปสมบทออกบวชในบวรพุทธศาสนา ก็เข้าไปทูลขอบวชแด่องค์พระผู้มีพระภาค เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตในการอุปสมบท ก็จะทรงตรัสว่า "ท่านจงเป็นภิกษุมาเถิด ธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อทำที่สุดแห่งทุกข์โดยชอบเถิด" เมื่อพระองค์ทรงตรัสเสร็จ ผู้ที่ขอรับการบวชนั้นก็จะสำเร็จเป็นพระภิกษุทันที
2. ติสรณคมนูปสัมปทา คือ วิธีการอุปสมบทที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประทานอนุญาตให้เหล่าพระสาวกสามารถให้การอุปสมบทแก่ผู้ที่มีศรัทธาได้เอง โดยไม่ต้องนำพามาให้พระองค์บวชให้ ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อเหล่าบรรดาพระสาวกเมื่อได้รับการอุปสมบทจากพระพุทธองค์แล้ว ก็ออกเผยแผ่ธรรมไปตามที่ต่าง ๆ เมื่อทำการเผยแผ่มากเข้าก็มีผู้ศรัทธาเลื่อมใสในพระธรรมคำสอนเป็นอันมาก อยากที่จะออกบวชในพระพุทธศาสนานี้ แต่ก็เป็นการยากลำบาก เนื่องจากพระสาวกเหล่านั้นต้องนำพาผู้ที่ศรัทธาเหล่านั้นกลับมา เพื่อให้พระพุทธองค์ทรงบวชให้ พระผู้มีพระภาคเจ้าเห็นความยากลำบากอันนี้ ต่อมาพระองค์จึงทรงประทานอนุญาตให้พระสาวกเหล่านั้นให้การอุปสมบทแก่ผู้ที่ศรัทธาได้เลย โดยไม่ต้องนำพากลับมาเพื่อให้พระองค์ทรงบวชให้ ซึ่งการอุปสมบทวิธีนี้ก็เพียงแค่ ผู้ที่มีศรัทธาเข้าไปกราบภิกษุผู้ที่จะบวชให้นั้น แล้วผู้ที่จะบวชกล่าวคำขอถึง "ไตรสรณคมน์" ๓ ครั้ง เมื่อกล่าวเสร็จสิ้น ก็เป็นพระภิกษุโดยสมบูรณ์
3. ญัตติจตุตถกรรมวาจา คือ วิธีการอุปสมบทโดยคณะสงฆ์ มิใช่ให้โดยพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง เป็นวิธีที่มีใช้ในการอุปสมบทในปัจจุบัน วิธีการขอเข้ารับการอุปสมบทในวิธีนี้ก็โดยให้ผู้มีศรัทธาปรารถนาที่บวชเข้าไปหาพระอุปัชฌาย์ เมื่อพระอุปัชฌาย์รับผู้ที่จะบวชนั้นไว้แล้ว ต่อมาพระอุปัชฌาย์จึงพาเข้าไปรับการอุปสมบทต่อคณะสงฆ์นั้นอีกทีนึง เมื่อไปถึงทางคณะสงฆ์จึงสวดประกาศเพื่อรับหรือไม่รับผู้ที่จะบวชนั้น ถ้าคณะสงฆ์มีมติเป็นเอกฉันท์ คือ ไม่มีพระภิกษุรูปใดคัดค้าน ผู้ที่จะบวชนั้นก็ได้สำเร็จเป็นพระภิกษุโดยสมบูรณ์
หมายเหตุ
คำว่า “ไตรสรณคมน์” เป็นการสนธิกันระหว่างปัจจัย 2 ตัว (หรือจะแยกเป็น 3 บท ก็ได้) คือ
1. “ไตรสรณะ” หรือ "สรณะ 3" แปลว่า ที่พึ่งทั้ง 3 อันได้แก่ พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์
2. “อาคมน์” แปลว่า การมาถึง
สรุป “ไตรสรณคมน์” แปลว่า การเข้าถึงพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งของตน หมายความว่า การยึดเอาพระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตของตนได้อย่างถูกต้อง นั่นเอง
หน้าที่เข้าชม | 507,656 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 416,146 ครั้ง |
เปิดร้าน | 4 พ.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |